ก้าวแรก...สู่สังเวียนพลังงาน
ก่อน อื่นเลย อยากจะปูพื้นฐานธุรกิจพลังงานสักนิด ก่อนจะเข้าไปหยิบตัวเลขต่างๆ มาวิเคราะห์ เพื่อที่จะได้เข้าใจที่มาที่ไปของตัวเลขเหล่านั้น และจะได้ไม่นำมาใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ เฉกเช่นที่ปรากฏอยู่… โดยจะมีการนำข้อมูลจากหนังสือพลังงานไทย..พลังงานใคร? มาใช้ประกอบในการยกตัวอย่างประกอบด้วยครับ
ธุรกิจ พลังงานเริ่มจากการสำรวจและผลิต (หลุมในอ่าวไทย และแหล่งบนบกบางแหล่ง) ซึ่งหลุมๆ หนึ่ง อาจจะพบทั้งน้ำมันดิบ ทั้งก๊าซธรรมชาติ ทั้งคอนเดนเสท (ก๊าซธรรมชาติเหลว) ในขณะที่บางหลุมอาจพบเพียงอย่างเดียว หรือสองอย่าง แล้วเมืองไทยล่ะ เป็นอย่างไร?? ตารางด้านล่างมาจากเวบของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ( http://www2.dmf.go.th/download/production.volume.asp ) เดือนสิงหาคม ปี 2551 นะครับ เรียกได้ว่าเอาแบบช่วงที่มีการขุดเจาะ Peak มากๆ มาให้ดูกันเลยครับ ว่ามีผลผลิตเป็นอย่างไร
| ก๊าซธรรมชาติ | ก๊าซธรรมชาติเหลว (คอนเดนเสท) | น้ำมันดิบ | |||
พื้นที่ | แหล่ง | (ล้านลบ.ฟุต/วัน) | เทียบเท่าน้ำมันดิบ | (บาร์เรล/วัน) | เทียบเท่าน้ำมันดิบ |
|
ในทะเล | เอราวัณ | 277.95 | 48,474 | 11,690 | 10,633 | 0 |
บรรพต | 46.20 | 8,057 | 2,702 | 2,458 | 0 | |
สตูลใต้ | 22.61 | 3,943 | 361 | 328 | 0 | |
สตูล | 88.73 | 15,475 | 4,369 | 3,974 | 0 | |
ปลาแดง | 1.69 | 294 | 25 | 23 | 0 | |
ตราด | 20.16 | 3,516 | 528 | 480 | 0 | |
ปลาทอง | 4.12 | 719 | 0 | 0 | 604 | |
กะพง | 24.45 | 4,264 | 0 | 0 | 1,977 | |
สุราษฏร์ | 11.39 | 1,987 | 0 | 0 | 1,903 | |
ปลาหมึก | 70.25 | 12,252 | 0 | 0 | 14,660 | |
ฟูนาน | 146.16 | 25,491 | 7,836 | 7,128 | 0 | |
จักรวาล | 63.77 | 11,121 | 2,209 | 2,009 | 0 | |
จักรวาล ต.ต. | 86.68 | 15,118 | 19 | 17 | 0 | |
โกมินทร์ | 9.86 | 1,720 | 702 | 639 | 0 | |
ไพลิน | 226.07 | 39,427 | 9,475 | 8,618 | 0 | |
ยะลา | 131.97 | 23,015 | 0 | 0 | 17,908 | |
นอร์ธไพลิน | 231.30 | 40,339 | 15,352 | 13,964 | 0 | |
บงกช | 650.01 | 113,362 | 20,313 | 18,477 | 0 | |
อาทิตย์ | 408.83 | 71,299 | 18,871 | 17,165 | 0 | |
ทานตะวัน | 29.99 | 4,268 | 0 | 0 | 6,257 | |
เบญจมาศ | 144.67 | 25,230 | 0 | 0 | 46,775 | |
มะลิวัลย์ | 9.04 | 1,576 | 0 | 0 | 1,075 | |
จามจุรี | 0.26 | 46 | 0 | 0 | 7 | |
เบญจมาศเหนือ | 0.22 | 39 | 0 | 0 | 199 | |
จัสมิน | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 21,562 | |
บัวหลวง | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 391 | |
บนบก | สิริกิติ์+อื่นๆ | 41.99 | 7,324 | 0 | 0 | 21,766 |
น้ำพอง | 22.73 | 3,964 | 0 | 0 | 0 | |
ภูฮ่อม | 98.18 | 17,123 | 556 | 506 | 0 | |
กำแพงแสน | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 19 | |
อู่ทอง | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 331 | |
สังฆจาย | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 107 | |
บึงหญ้า | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 529 | |
บึงม่วง | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 248 | |
บึงหญ้า และ หนองสระ | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 705 | |
วิเชียรบุรี | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 164 | |
นาสนุ่น | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 906 | |
ศรีเทพ | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 11 | |
นาสนุ่น1 | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 6,044 | |
ฝาง | 0.00 | 0 | 0 | 0 | 1,194 | |
รวมทั้งหมด | 2,869.27 | 499,443 | 95,008 | 86,419 | 145,342 |
รวมปริมาณการผลิต(เทียบเท่าน้ำมันดิบ) | 731,204 | บาร์เรล/วัน |
หมายเหตุ : | ||
-ปริมาณการผลิตเปรียบเทียบน้ำมันดิบที่ผลิตภายในประเทศซึ่งมีค่าความร้อนเฉลี่ย | 5.73 | ล้านบีทียู/บาร์เรล |
-อัตราการเปรียบเทียบเป็นน้ำมันดิบ | ||
ก๊าซธรรมชาติ 1 ล้านลบ.ฟุต เทียบเท่าน้ำมันดิบ = | 174.4 | บาร์เรล |
ก๊าซธรรมชาติเหลว 1 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบ = | 0.9096 | บาร์เรล |
นี่คือข้อมูลการผลิตจากทุกแหล่งในประเทศไทยครับ จะเห็นว่าหลุมในประเทศไทยส่วนมาก เป็นหลุมก๊าซครับ ไม่ใช่หลุมน้ำมันดิบ!!! โดยเป็นก๊าซถึง 500,000 บาร์เรล/วัน จากปริมาณการผลิตทั้งหมด 731,204 บาร์เรล/วัน ดูตัวเลขที่เป็นสีน้ำเงินเข้มของทั้งก๊าซ คอนเดนเสท และน้ำมันดิบในตารางนี้ให้ดีนะครับ เพราะเดี๋ยวจะมีการนำไปใช้ในการวิเคราะห์ต่อไป
เมื่อดูตารางนี้แล้ว จะสังเกตเห็นว่า ผลผลิตจากหลุมในประเทศไทยเราสามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่มหลักๆ คือ ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันดิบ (เน้น คำว่าน้ำมันดิบนะครับ เพราะหลายๆ คนสับสนเพียงเพราะคำว่าน้ำมันดิบ กับน้ำมันสำเร็จรูป ทำให้ตีความเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องส่งออกน้ำมันกันไปผิดๆ) เรามาเริ่มดูกันเลยดีกว่า…
1. ก๊าซธรรมชาติ
ก๊าซธรรมชาตินั้น สามารถผลิตในประเทศได้อย่างเพียงพอ คิดเป็นปริมาณประมาณ 70%-80% ของการผลิตจากหลุมในประเทศทั้งหมด นั่นหมายความว่า สิ่งที่ประเทศไทยผลิตได้จากแหล่งในประเทศทั้งหมด 721,550 BBL/Day (อิงตามตัวเลขกำลังการผลิตจากหลุมในหน้า 4 ของหนังสือพลังงานไทย..พลังงานใคร?) ส่วนมากแล้ว เป็นก๊าซธรรมชาติ!!!! ไม่ใช่น้ำมันดิบแต่อย่างใด ซึ่งตรงจุดนี้สามารถ confirm ได้จากตัวเลขในตารางข้างบนนะครับ ว่าใน 7 แสนกว่าๆ เนี่ย เป็นก๊าซไปแล้วซะ 5 แสน
2. น้ำมันดิบ
ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 20% ของการผลิตจากหลุมในประเทศ จึงจะเป็นน้ำมันดิบ!!! แปลว่าเราผลิตน้ำมันดิบได้เองเพียงประมาณ 150,000 บาร์เรล/วัน และมีคอนเดนเสทเป็นผลพลอยได้ขึ้นมาอีกเล็กน้อย ถ้ารวมคอนเดนเสทเข้าไปด้วยก็จะได้ประมาณ 2 แสนกว่าบาร์เรล/วัน (จาก http://www.eppo.go.th/info/2petroleum_stat.htm เวบกระทรวงพลังงาน) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าคอนเดนเสทจะเอาไปใช้แทนน้ำมันดิบได้นะครับ มันคนละเรื่องกัน ทีนี้เราลองมาดู Demand หรือ ปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศไทยเท่าไหร่ทราบหรือไม่ครับ…700,000 บาร์เรล/วัน นะครับ (จากแหล่งข้อมูลเดียวกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ) แล้วอย่างนี้ ถือว่าน้ำมันดิบเพียงพอที่จะใช้นำไปกลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปหรือไม่ครับ? และถ้าแหล่งภายในประเทศไม่สามารถหาน้ำมันมาตอบสนองผู้บริโภคได้อย่างเพียงพอ เป็นคุณ คุณจะทำเช่นไรครับ??
คง จะเห็นกันแล้วนะครับว่า ที่หลายๆคนกำลังคิดว่าประเทศไทยผลิตน้ำมันได้เยอะนั้น จริงๆ แล้วกำลังเข้าใจผิดอย่างมากครับ เพราะถ้าคุณคิดว่า 150,000 บาร์เรล/วัน เยอะ คุณเทียบกับอะไรล่ะครับที่ว่าเยอะ เทียบด้วยความรู้สึกทั้งนั้นล่ะครับ เห็นเลขหลักแสน ตามความรู้สึกของเกือบทุกคนถือว่าเยอะอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณเทียบกับปริมาณการใช้ที่เป็นหลักเกือบๆ ล้านแล้วละก็ ตัวเลขการผลิตน้ำมันนี่จะจิ๊บจ๊อยไปในทันทีเลยครับ หวังว่า ข้อมูลเบื้องต้นนี้จะช่วยให้หลายๆคนกระจ่าง และเข้าใจกันเสียทีว่า ประเทศเราไม่ได้ผลิตน้ำมันได้เยอะอย่างที่เราคิดกัน
Comment: ข้อมูลในหน้า 4 จากหนังสือพลังงานไทย..พลังงานใคร?
ก. คำกล่าวที่ว่าเรามีวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปถึง 40% ไม่น่าจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้องครับ อาจจะเกิดจากการเข้าใจผิด หยิบตัวเลขมาคำนวณโดยขาดความเข้าใจ ซึ่งผมคาดว่า เลข 40% นี้มาจากการเฉลี่ยปริมาณก๊าซที่มีมากเพียงพอในประเทศ (70% ของการผลิตจากหลุมทั้งหมด) กับปริมาณน้ำมันดิบที่มี ไม่เพียงพอ ในประเทศ (20% ของการผลิตจากหลุมทั้งหมด) ซึ่งจริงๆแล้ว น้ำมันสำเร็จรูปมันจะผลิตจากก๊าซได้อย่างไรกันละครับ การเอาก๊าซมาเฉลี่ยด้วยก็ผิดแล้วล่ะครับ
ข. นอกจากนี้ ที่บอกว่าผลิตน้ำมันได้ 1 ใน 3 ของการ์ตานั้น คุณ ส.ว. ค่อนข้างจะบิดเบือนข้อมูลไปสักนิดนะครับ ไม่แน่ใจว่าแหล่งข้อมูลจากที่ไหน จริงๆแล้วไม่ถึง 1 ใน 5 ครับ ไทยผลิตน้ำมันดิบได้ 150,000 บาร์เรล/วัน แต่กาตาร์ 8 แสนกว่าครับ (http://www.eia.doe.gov/emeu/cabs/Qatar/Full.html อันนี้เป็นข้อมูลอย่างเป็นทางการนะครับ) อย่าง ที่บอกไปแล้วว่าประเทศไทยเราผลิตได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้ทั่วประเทศ แต่ประเทศกาตาร์ใช้เพียงไม่ถึง 100,000 บาร์เรล/วันครับ เขาจึงสามารถส่งออกน้ำมันดิบส่วนที่เหลือกว่า 700,000 บาร์เรล/วัน ไปขายได้ ดังนั้น เราจึงต่างกับเขาตรงนี้แหละครับ กำไรของกาตาร์ เขาได้ตั้งแต่ขุดน้ำมันดิบขึ้นมาส่งออก จนถึงกลั่นขายเป็นน้ำมันสำเร็จรูป และส่งออก แต่ประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่น จึงได้เพียงค่าการกลั่น ดังนั้นความรวยหลักๆ ของกาตาร์ และประเทศตะวันออกกลางทั้งหลายจะได้จากส่วนที่เป็น การที่เขามีน้ำมันดิบในประเทศ ครับ..ซึ่งประเทศเรามีน้อย เราจึงไม่สามารถนำตัวเลขการผลิตของเรา ที่เป็น 1 ใน 5 ของ กาตาร์ มาสรุปได้ว่า เราควรจะรวยเกือบๆ เท่าเขา เพราะเราไม่สามารถส่งออกได้เยอะเท่ากาตาร์ครับ เริ่มเข้าใจสิ่งที่ผมบอกหรือยังครับ ว่าการนำข้อมูลมาใช้ผิดๆ มันเป็นอย่างไร การขาดความเข้าใจในธุรกิจนี้ กำลังสร้างความสับสนให้ท่าน ส.ว. นะครับ ธุรกิจพลังงาน ต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ผู้ที่ไม่เคยสนใจที่จะศึกษาธุรกิจนี้อย่างจริงจัง ย่อมไม่มีความเข้าใจที่เพียงพอ ที่จะนำข้อมูลมาใช้
ก่อนจะลุยกันต่อไป ขอสรุปไว้ดังนี้ครับ
"ประเทศไทยขาดแคลนน้ำมันดิบ (นำเข้ากว่า 80%) ในขณะที่ก๊าซธรรมชาติยังพอมีอยู่ (นำเข้าเพียง 20%)"
ตัวอย่างการนำเสนอข้อมูลที่ผิดจากหนังสือ "พลังงานไทย..พลังงานใคร?" ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น